วิหารเทพวิทยาคม หรือ วิหารปริสุทธปัญญา เป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ของวัดบ้านไร่
ก่อสร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะให้เป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก
หรืออีกนัยหนึ่งคือ ดินแดนที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย
และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด
และเพื่อจรรโลงพระศาสนาให้เป็นไปตามปัจฉิมวาจาของพระพุทธองค์ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานที่ว่า
“แท้จริงแล้ววินัยที่เราได้บัญญัติแก่ท่านทั้งหลายก็ดี
ธรรมที่เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลายก็ดี เมื่อเราล่วงไปแล้ว
ธรรมและวินัยเหล่านั้นจะเป็นศาสดาของท่านทั้งหลาย” ดังนั้นมหาวิหารแห่งนี้จึงเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่นำเอาพระไตรปิฎกมาแสดงและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป
วิหารเทพวิทยาคม เป็นสิ่งปลูกสร้างสูง
5 ชั้นกลางบึงน้ำวัดบ้านไร่มีความกว้าง 60 เมตรยาว 60 เมตรเป็นปริมณฑล
อาคารสิ่งก่อสร้างองค์กลางมีขนาดกว้าง 30 เมตรยาว 30
เมตรโดยประมาณความสูง 42 เมตรซึ่งแต่ละชั้นประกอบด้วย
ชั้นใต้ดินของวิหารเทพวิทยาคม
ชั้นใต้ดินของวิหารเป็นส่วนจัดแสดงและให้ผู้เข้าชมได้เลือกรับของที่ระลึกจากเงินทำบุญของท่านผู้เข้าชมเอง
บรรยากาศโดยรอบจัดตกแต่งให้เสมือนท่านได้อยู่ในท้องนทีอันศักดิ์สิทธิ์
หรือโลกใต้บาดาล โดยของที่ระลึกอันเป็นมงคลนั้น
ผู้เข้าชมสามารถเลือกได้ตามความหมายอันเป็นสิริมงคลตามที่ท่านต้องการ
ซุ้มของที่ระลึกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก
ส่วนแรก คือ บริเวณโถงกลาง เรียกว่า ซุ้มของที่ระลึก เพชร 7
สี มณี 7 แสง เป็นการบูชาลูกปัดสีต่าง ๆ
โดยเลือกเสี่ยงทายตามสถานะหรืออาชีพการงานของบุคคลนั้น ๆ
ส่วนที่ 2 รายล้อมโซน เพชร 7 สี มณี 7 แสง ประกอบไปด้วย
เจ็ดสิ่งนำโชคในโลกใต้บาดาล อันมีความหมายมงคลตามความเชื่อจากหลากหลากประเทศในโลก
ได้แก่
1. มังกร+ลูกแก้ว : ขอพรและคำทำนาย เรื่องความมีโชคลาภ วาสนา
2. พญานาค : ขอพรและคำทำนาย เรื่องร่ำรวยเงินทอง
3. ปลาอานนท์ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องสุขภาพ ความแข็งแรง มีกำลัง
4. จระเข้ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องการสะสมบุญความเมตตาเพื่อจะได้รับเมตตาจากเจ้านายและเป็นที่รัก
5. พญาเต่า : ขอพรและคำทำนาย เรื่องอายุยืน
6. ปลาม้าน้ำ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องชีวิตคู่ยาวนาน สันติภาพ มิตรภาพ
7. ปะการังแดง : ขอพรและคำทำนาย เรื่องเดินทางปลอดภัย
ชั้น 1 วิหารเทพวิทยาคม
“ภาพพุทธประวัติและต้นโพธิ์อธิษฐาน"
ความงามสุดแล้วแต่ปัจเจกมอง
แต่ความหมายยิ่งใหญ่แห่งพุทธประวัติ...คงอยู่ชั่วกาลนาน
ภาพที่ 1 พุทธอนุโมทนา (ประสูติ)
ภาพที่ 2 พุทธปัญญา (ตรัสรู้)
ภาพที่ 3 พุทธปาฏิหาริย์ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่าเทวดา)
ภาพที่ 4 พุทธบารมี (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่ากษัตริย์และนักบวช)
ภาพที่ 5 พุทธปีติ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่ชาวบ้าน หมู่มาร และนักบวช)
ภาพที่ 6 ปฐมพุทธศาสน์ (ปรินิพพาน)
ทั้งนี้เพดานภายในห้องจัดแสดงภาพพระพุทธประวัติและต้นโพธิ์อธิษฐาน
แสดงถึงบารมีแห่งพระพุทธองค์ เมื่อทรงตรัสรู้แล้วแผ่ไพศาลไปทั่วจักรวาลบรรยากาศ
ค่อย ๆ สูงขึ้น จนเหนือชั้นฟ้า เหนือเมฆ ไปจนอสงไขย ไม่มีที่สิ้นสุด
ชั้น 2 วิหารเทพวิทยาคม
“พระวินัยปิฎก นิทรรศการ
พระราชาผู้ทรงธรรม และห้องโถงแห่งธรรม"
โดยรอบนำเสนอเรื่องราวของพระวินัยปิฎก และวิวัฒนาการพระพุทธศาสนา
หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน อาทิ ศีล 227 ข้อ และเรื่องราวของนิกายต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นจากการตีความพระวินัยและพระธรรมคำสอนในหลากหลายแง่มุม
ส่วนพื้นที่สงบเงียบตรงกลางนั้นเป็นพื้นที่โล่งให้สาธุชนได้อธิษฐานจิต
เพื่อเป็นกุศลแก่ตนเอง
ส่วนห้องบริเวณเศียรช้าง เป็นห้องพระราชาผู้ทรงธรรม
อันจะเนรมิตให้เป็นนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา ซึ่งท่านคือผู้นำแนวทางแห่งอริยสัจ 4 มาดำเนินเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้พ้นทุกข์
อันจะได้เห็นจากโครงการในพระราชดำริที่เกิดขึ้นมากมาย เพื่อให้ปวงชนได้พ้นจาก
“ความจน” มาเป็น “ความพอ”
ชั้น 3 วิหารเทพวิทยาคม
"เรื่องราวของพระธรรมปิฎก พระธรรมขันธ์"
จิตรกรรมวิจิตรบนเพดานชั้น 3 เป็นใบโพธิ์มากกว่า
84,000 ใบ เพื่อสอดแทรกคำสอนเรื่องของความเพียร
เรียนรู้พระธรรม และยังเป็นเครื่องเตือนใจพุทธศาสนิกชนว่า
พระองค์มิได้มุ่งแต่ถ่ายทอดแก่นพระธรรมตามที่พระองค์ทรงตรัสรู้
หากแต่สั่งสอนพระธรรมตามจริตของผู้สดับธรรมนั้น ๆ ด้วย ดังนั้น
พระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์นั้นเพื่อสั่งสอนผู้คนตามจริต
ซึ่งจริตของแต่ละปัจเจกนั้นมิได้เหมือนกันเป็นแบบแผนเดียวกัน
การเผยแพร่พระธรรมจึงมิได้มุ่งแต่เพียงเผยแพร่แก่นด้วยวิธีเดียว
แต่วิธีในการเผยแพร่ต่อ แต่ละบุคคลก็มีความสำคัญในการที่จะทำให้บุคคลนั้น ๆ
เข้าใจซึ่งพระธรรมด้วย
ชั้นดาดฟ้า วิหารเทพวิทยาคม
"ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และรูปหล่อปิดทองคำหลวงพ่อคูณ"
ณ ชั้นบนสุดของหอเทพวิทยาคม
ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อหลวงพ่อคูณปิดทองคำ
มองสู่เบื้องล่างเพื่อประสาทพรแก่สาธุชนชั่วกาลนา นอกจากนี้ บริเวณรอบ ๆ วิหารเทพวิทยาคมยังมีเทพพญาสัตว์ต่าง ๆ
ให้ได้ชมกัน เพื่อเป็นปริศนาธรรมให้ค้นหา เช่น พญานาค
เปรียบเสมือนโอบอุ้มธรรมะของพระพุทธเจ้า สะพานพญานาคคือ
ทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกธรรมะ, เทพจำแลง สุนัข 3
หัวเฝ้าประตูนรก แต่ละตัวมีชื่อว่า อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา
ซึ่งมีความหมายแห่งการปล่อยวาง, พญาแร้ง
สะท้อนให้ระลึกถึงกิเลสที่ชอบซุกอยู่ในใจคนมากที่สุดคือ โลภะ โทสะ และช้างเอราวัณ
เป็นต้น
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี ประมาณ 75 กิโลเมตร ถึงตัวเมืองสระบุรี เมื่อถึงตัวเมืองสระบุรีแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 89 กิโลเมตร จะถึงเขื่อนลำตะคอง ขับตรงไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร จะพบกับป้ายบอกทางถนนสาย 201 กับถนนสาย 24 ให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนสาย 201 (ไปจังหวัดชัยภูมิ) จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่อำเภอด่านขุนทด พอถึงอำเภอด่านขุนทดให้ท่านขับตรงไปอีก จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2217 จากนั้นขับตรงไป ประมาณ 11 กิโลเมตร ก็จะถึง "วัดบ้านไร่"
อย่างไรก็ตามสำหรับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจขอเข้าชม ให้ส่งหนังสือแจ้งความจำนงพร้อมจุดประสงค์ในการเข้าชมล่วงหน้า 1 สัปดาห์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และทีมงานมัคคุเทศก์น้อย จัดสรรเวลาและเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในทุกด้าน ส่วนกิจกรรมบุญอิเล็กทรอนิกส์ตามจุดต่าง ๆ ภายในวิหาร กำหนดให้ใช้บัตรเติมบุญ เริ่มต้นความศรัทธาราคา 30 บาท โดยจะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.