วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วังน้ำเขียว



ฝนตกทุกวันแบบนี้จะไปเที่ยวไหนก็คงต้องเตรียมพร้อมกันหน่อย ถ้าให้พูดถึงที่เที่ยวในช่วงหน้าฝน คงจะหนีบรรยากาศฉ่ำๆ ของวันฝนตกในป่าสีเขียวขจีไม่ได้ เลยจะขอพาไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงอย่างวังน้ำเขียวก็แล้วกัน และไปรู้จักกับที่เที่ยวที่ขอบอกว่า พลาดไม่ได้ ! ถ้ามาวังน้ำเขียว


ผาเก็บตะวัน  ตั้งอยู่บนอุทยานแห่งชาติทับลาน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติทับลาน สามารถ ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้นลานออกดอกพร้อมกันเป็นจำนวนมาก และเป็นที่ตั้งของหลักแบ่งเขตจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้หากใสช่วงฤดูฝนเราก็อาจได้มีโอกาส พบเห็นสาย หมอกในยามเช้าอีกด้วย
ผาเก็บตะวัน มีกิจกรรมปลูกป่ากันด้วยการยิงเมล็ดพันธุ์พืช ด้วยหนังสติ๊ก  เมล็ดพันธุ์พืช มีทั้งเมล็ดมะค่าโมง และเมล็ดลาน หรือ "ลูกลาน บริการด้วยราคาถุงละ 10 บาท ใครอยากปลูกมากก็ซื้อมาก ปลูกน้อยก็ซื้อน้อยได้ตามใจชอบ เมื่อยิงกระสุนเหล่านี้ เข้า ไปตกในป่าที่ ไม่ค่อยจะมีต้นไม้แล้วมันก็จะงอกงามเติบโตขึ้นมา ซึ่งคนขายบอกว่า วิธีปลูกป่าแบบนี้ได้ผลประมาณ 80%
                                                                 ยิงเมล็ดพันธุ์พืชด้วยหนังสติ๊ก


น้ำตกม่านฟ้า เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขต อ.ทับลาน มีความสวยงามมากเพราะเป็นสายน้ำไหลลงมาจากแผ่นหินที่อยู่บนหน้าผาสูง มองดูคล้ายม่านน้ำ ยิ่งหากกระทบกับแสงแดดจะทำให้เกิดประกายรุ้งที่สวยงาม บริเวณของน้ำตกมีแอ่งน้ำให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำได้ และมีมุมพักผ่อนให้นักปิคนิก

                                  



วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ โรงนาคันทรีสไตล์ โรงนา และ ฟาร์มสไตล์คันทรีเรียบง่ายในชนบทของตะวันตกถูกยกมาตั้งไว้ที่นี่ นักท่องเที่ยวจะได้ทำกิจกรรมเก็บองุ่นสดจากต้นด้วยตัวเอง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่พาเยี่ยมโรงบ่มไวน์ พร้อมบรรยายกระบวนการผลิตไวน์ทุกขั้นตอน รวมทั้งมีจักรยานให้คุณปั่นชมฟาร์มกันเพลินๆ





จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม



                      จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

 จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม  ตั้งอยู่ในอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา บนพื้นที่กว่า 600 ไร่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางเกษตรซึ่งเปิด ให้เข้าชมในเดือนธันวาคม-มกราคม ของทุกปี ให้บุคคลทั่วไปที่หลงใหลในธรรมชาติได้ชื่นชม บรรยากาศอันงดงามและ เรียนรู้ประสบการณ์ด้านการเกษตร พร้อมเรียนรู้วงจรชีวิตของหนอนไหม ชมแปลงพืชผัก และดอกไม้สีสวยสดนานาชนิด รวมถึงเลือกซื้อไม้ดอกไม้ประดับและผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารพิษซึ่ง ปลูกด้วยความเอาใจใส่จากเหล่าเกษตรกร  จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม มีเจตนารมณ์ที่จะอนุรักษ์ และถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวไทย เชื้อสายลาวซึ่งอาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปี พ.ศ. 2550 จิม ทอมป์สัน ได้ริเริ่มนำบ้านอีสาน อันเป็นสถาปัตยกรรมไทยอีสานที่เป็น เอกลักษณ์มารวบรวม ไว้บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ อาทิ บ้านโคราช บ้านภูไท และเรือนเหย้า ซึ่ง “หมู่บ้านอีสาน” แห่งนี้ได้กลาย เป็น อีกหนึ่ง จิม ทอมป์สัน ได้สร้างและรวบรวม “หมู่บ้านโคราช” เพิ่มในบริเวณใกล้เคียง เพื่อเป็นการ สะท้อน สถาปัตยกรรม อันหลากหลายของภาคอีสานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ยังคงเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็น ประจำทุกปีในเดือนธันวาคมจนถึงต้นเดือนมกราคม ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งสร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการท่องเที่ยว เชิงเกษตรและวัฒนธรรม ซึ่งสร้างความสุข และประสบการณ์อันแปลกใหม่ให้ทั้งผู้เข้า จิม ทอป์สัน ฟาร์ม


จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ขอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ณ อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวด้วยสวนลอยฟ้าซึ่งจัด แสดงการปลูก มะเขือเทศแบบห้อยหัวลง (Upside Down Tomato) ชมมะเขือเทศและพริกหลากหลายสายพันธุ์ และเพลิดเพลินกับการเก็บ มะเขือด้วยตนเอง (U-Pick Tomato) พร้อมชมความงามของทุ่งปอเทืองเหลืองอร่ามตา ในบริเวณเดียวกันท่านสามารถ รับประทานอาหารและเครื่องดื่มตามอัธยาศัยก่อนขึ้นรถ
                                                                สวนลอยฟ้าและทุ่งปอเทือง


สัมผัสความงามแห่งธรรมชาติในอ้อมกอดอ่างเก็บน้ำลำสำลายซึ่งทอดตัวอยู่ทางทิศตะวันตกของจิม ทอมป์สันฟาร์ม และร่วม เก็บภาพความทรงจำกับทัศนียภาพ อันสวยงาม ณ ทุ่งทานตะวัน และทุ่ง Cosmos ที่บานสะพรั่งต้อนรับผู้เข้าชมตื่นตาตื่นใจ กับฟักทอง หลากหลายสายพันธุ์นับหมื่นผล รวมทั้งฟักทองยักษ์สีสัน สดใสรูปทรงแปลกตา สนุกสนานกับการชิมฟักทองและ เพ้นท์ฟักทองสำหรับเป็นของที่ระลึกจาก จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จากจุดนี้ผู้เข้าชมสามารถ นั่งรถนำเที่ยวหรือเลือกที่จะเดินชื่นชมธรรมชาติและบรรยากาศอันงดงามผ่านลานฟักทองและทุ่งทานตะวัน
                  
                                                   จุดชมวิวลำสำลาย ทุ่งทานตะวัน ฟักทองยักษ์ 



ชื่นชมสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นอีสานที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน ทั้งในส่วนของหมู่บ้านอีสานและหมู่บ้านโคราช สัมผัส วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี การแสดงและการละเล่นต่างๆ มากมายของชาวอีสาน อิ่มอร่อยกับอาหารอีสาน หลากหลายรสชาติเรียนรู้วงจรชีวิต หนอนไหมที่ถักทอเส้นใยธรรมชาติ พร้อมชมทุ่งนาข้าวอินทรีย์และ กระบวน การผลิตข้าวแบบพื้นบ้าน พร้อมเลือกซื้อข้าว อินทรีย์พื้นบ้านจากทุ่งข้าวของจิม ทอมป์สันฟาร์ม ชมการ สาธิต การผลิต “ปุ๋ยบุญหลาย” ปุ๋ยชีวภาพ ที่ได้จากมูลสัตว์ และก่อนจะเดินทางไปยังจุดอื่น
                                                  หมู่บ้านอีสานและหมู่บ้านโคราช 


หลังจากอิ่มเอมใจกับศิลปวัฒนธรรมอีสานแล้ว ผู้เข้าชมจะเข้าสู่จุดสุดท้ายของการท่องเที่ยว ชมการปลูกผักแบบ ไร้ดิน และเก็บภาพความสวยงามท่ามกลางทุ่งดอก Hollyhock และไม้ดอกเมืองหนาวหลากสีสัน ปิดท้าย ความสนุกสนาน ณ ตลาด จิม ทอมป์สัน เพื่อเลือกซื้อผัก ผลไม้ และดอกไม้ ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของจิม ทอมป์สัน พร้อมชมการสาธิต กิจกรรมของ จิม ทอมป์สัน เพื่อเรียนรู้กระบวนการผลิตก่อนจะมาเป็นผืนผ้า จิม ทอมป์สัน ที่สวยงาม เช่น การย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ การทอผ้ามัดหมี่ ก่อนอำลา จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ด้วยความสนุกสนานและความประทับใจ ไม่รู้ลืม
                                           สวนดอกไม้เมืองหนาวและตลาดจิมป์ทอมสัน


ค่าเข้าชม : ทั้งชาวไทยและต่างชาติ  วันธรรมดา ผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 80 บาท  วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ผู้ใหญ่ 140 บาท เด็ก 100 บาท 
พิเศษ** สามารถซื้อบัตรล่วงหน้าราคาพิเศษ บัตรผู้ใหญ่ลดเหลือ 100 บาท และ เด็ก ลดเหลือ 70 บาท 

โดยบัตรล่วงหน้านี้สามารถใช้เข้าชมงานได้ทุกวัน รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ 
ซื้อบัตรได้ที่ ร้านจิม ทอมป์สัน สาขาสุรวงศ์, สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, ดิ เอ็มโพเรี่ยม และพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน และร้านจิม ทอมป์สัน สาขาปาลิโอ เขาใหญ่ และหอค้ำคูณ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 216 7368, 08 5660 7336 และ 044 373 117

การเดินทาง
1. จากกรุงเทพไปสระบุรี 
เมื่อถึงชุมทางต่างระดับสีคิ้ว (ระยะทาง 214 กม.) ให้ขับชิดซ้ายเข้าช่องเดินรถทางไป อ.โชคชัย (ทางหลวงหมายเลข24) จนถึงสี่แยกบริเวณร้านอาหารตอไม้ (ระยะทาง 12 กม.) จึงเลี้ยวขวาไปตามถนน มะเกลือใหม่ - บะใหญ่ ผ่าน บ.หนองไม้ตาย ร.ร. วังรางวิทยา บ.บุตาสง สถานีอนามัยบ้านน้ำซับ ฟาร์มโคนม จนถึงคลองชลประทานให้เลี้ยว ซ้ายผ่านเทศบาลตำบลตะขบ เมื่อถึงสี่แยกบ้านตะขบให้เลี้ยวซ้ายข้ามคลอง ชลประทานอีกครั้ง ขับไปตามถนน 2072 อีก 1 กม. จนถึงจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม (ระยะทางจากร้านตอไม้ถึงจิม ทอมป์สัน ฟาร์มประมาณ 30 กม.)
2. จากกรุงเทพผ่านฉะเชิงเทรา กบินทร์บุรี วังน้ำเขียว 

ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 เป็นระยะทาง 280 กม. ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 2072 ผ่านคลังน้ำมันระยองเพียว เทคนิค ปักธงชัยและโรงเรียนบ้านปลายดาบจนถึงสี่แยกจุดตัดกับถนนเลียบคลองชลประทาน จึงข้ามคลองชลประทาน และ ตรงไปตามถนน 2072 ผ่านโรงเรียนลำพระเพลิงพิทยาคม จิม ทอมป์สัน ฟาร์มจะอยู่ขวามือ (เป็นระยะทางประมาณ 20 กม.) 
3. การเดินทางจาก อ.เมือง จังหวัดนครราชสีมา 
จากนครราชสีมาถึง อ. ปักธงชัยเป็นระยะทาง 32 กม. โดยเริ่มจากใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ตรงไปถึงสี่แยก ลำพระเพลิง ให้เลี้ยวขวาตามเส้นทางไปเขื่อนลำพระเพลิง (ถนนเลียบคลองชลประทาน) จนถึงสี่แยกจุดตัดกับ ถนน 2072 จึงเลี้ยวขวาข้ามคลองชลประทาน ผ่านโรงเรียนลำพระเพลิงพิทยาคม จนถึง จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เป็นระยะทาง ประมาณ 20 กม.

สวนสัตว์นครราชสีมา





ประวัติ

สวนสัตว์นครราชสีมา หรือ สวนสัตว์โคราช ในองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมป์  สังกัด  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี มื่อวันที่  23  พฤษาคม  2532  ในสมัย   พลเอกชาติชาย  ชุณหะวัณ   เป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้  ชื่อโครงการ "สวนสัตว์นครราชสีมา" จนกระทั่งมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14  ธันวาคม 2539 โดยมีพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธี และใช้ชื่อว่า "สวนสัตว์นครราชสีมา" เป็นต้นมา สวนสัตว์นครราชสีมาจัดเป็นสถานที่ พักผ่อนเชิงนิเวศของประชาชน เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องสัตว์ป่าและธรรมชาติศึกษา ของเยาวชนที่มีความทันสมัย ตามมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ให้มีคุณภาพระดับสากล เหมาะเป็นที่พักผ่อน หย่อนใจสำหรับครอบครัว มาที่เดียวเที่ยวได้ทั้งชมสัตว์ ที่หาชมได้ยากแม้จะไม่มีหมีแพนด้าให้ได้ชมกันเหมือนกับสวนสัตว์เชียงใหม่ก็ตาม แต่ที่นี่ยังมีอุทยานสัตว์โลกล้านปี มีพื้นที่กว่า 4 ไร่ ออกแบบตกแต่งให้คล้ายกับยุคโบราณ มีหุ่นจำลองไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ ขนาดใกล้เคียงของจริงกว่า 20 ชนิด มีทั้งประเภทกินพืช อย่างไดโนเสาร์คอยาวและประเภทกินเนื้อ ดุร้าย ทำให้เด็กได้เพลินเพลินกับสัตว์ต่างๆ และสวนน้ำ ที่เปิดบริการใหม่ เครื่องเล่น สไลด์เดอร์ หอคอยกอลิลาร์ น่าตื่นตาสำหรับเด็ก กันเลยค่ะ มีพื้นที่ให้นั่งเล่น รับประทานอาหาร อากาศร่มรื่น ทำให้สนุกกันได้ทั้งครอบครัว อยู่ใกล้กับตัวเมืองขับรถไปทาง อ. ปักธงชัย 13 กิโลเมตร
สวนน้ำ



     หอคอยกอลิลา


           รถรางภายในสวนสัตว์


อัตราค่าเข้าชม
ค่าบัตรผ่านประตู  (รวมใช้บริการสวนน้ำสันทนาการ)   
  - ผู้ใหญ่ 70 บาท   เด็ก 15 บาท
  - นักศึกษา ปวช.-มหาวิทยาลัย ครู ทหารตำรวจ (ในเครื่องแบบ) 30  บาท
  - ผู้ใหญ่ ชาวต่างชาติ 100 บาท   เด็ก 50 บาท
  - ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
  - คนพิการพระภิกษุ สามเณร ชมฟรี
ค่าจอดรถยนต์
  - รถจักรยานยนต์ 10  บาท
  - รถยนต์ 4 ล้อ 50 บาท
  - รถโดยสาร  60  บาท           
รถไฟพ่วงนำชม
  - ผู้ใหญ่  20  บาท
  - เด็ก 10 บาท
ค่าเช่ารถจักรยาน
  - แบบเดี่ยว 20 บาท/ชั่วโมง
  - แบบนั่ง 2 คน 30 บาท/ชั่วโมง
ค่าเช่ารถกอล์ฟ 300 บาท/ชั่วโมง
การแสดงความสามารถของแมวน้ำ
  - ผู้ใหญ่ 20 บาท
  - เด็ก  10 บาท







ที่่ตั้ง/การเดินทาง

สวนสัตว์นครราชสีมา หรือ สวนสัตว์โคราช ตั้งอยู่เลขที่ 111  ม.1 ถ.ราชสีมา-ปักธงชัย ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000
เดินทางจาก กรุงเทพฯ โดยทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ เพียง 250 กิโลเมตร  และเพียง 19 กิโลเมตร จากจังหวัดนครราชสีมา ทางหลวงหมายเลข 304 ถนน ราชสีมา-ปักธงชัย หรือใช้บริการรถโดยสารจากในเมืองหมายเลข 4129  สู่ สวนสัตว์นครราชสีมา



วัดโนนกุ่ม (วัดหลวงพ่อโต)




วัดโนนกุ่ม หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ วัดหลวงพ่อโต ที่มีการสร้างรูปหล่อทองเหลืองรมดำของสมเด็จพุฒาจารย์โตพรหฺมรังสี ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยโบสถ์มีการสร้างอย่างงดงามและใหญ่โต โดย คุณสรพงษ์ ชาตรี ดารานักแสดงได้เป็นผู้เริ่มดำเนินการสร้างรูปหล่อหลวงพ่อโต และ โบสถ์ อื่นๆ ภายในวัด รวมทั้งสวนอุทยานที่สวยงามภายในวัด ทำให้เป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งในโคราช


     ภายในวัดแห่งนี้นอกจากเราจะมากราบไหว้หลวงพ่อโต เพื่อความเป็นศิริมงคล ยังมีโรงอาหารหรือโรงทานให้รับประทานอาหารและบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา ในโรงทานก็จะมี ราดหน้าหมูมัก และ มีน้ำแข็งใสเป็นของหวานให้รับประทาน สามารถทานได้เรื่อยๆ จากนั้นเราสามารถเดินดูบริเวณโดยรอบจะมีอุทยานสวนหย่อมต่างๆ ที่สวยงามและรมรื่นให้นั่งพักผ่อนและถ่ายรูปก่อนกลับ




ที่ตั้ง

วัดโนนกุ่ม หรือ วัดหลวงพ่อโต  ตั้งอยู่ที่อำเภอสีคิ้ว อยู่ริมถนนมิตรภาพขาเข้า ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 42 กิโลเมตร ขับมาจากกรุงเทพฯ มาทางจังหวัดสระบุรี วัดจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนใครที่มาจากอำเภอเมืองโคราช เห็นวัดอยู่ฝั่งขวามือให้กลับรถบริเวณอำเภอสีคิ้ว ไปสักการะกราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นศิริมงคล






ฟาร์มโชคชัย


ฟาร์มโชคชัย มีพื้นที่กว้างขวางถึง 2,000 ไร่มีแม่พันธุ์โคนมถึง 5,000 ตัว นับเป็นฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุด และมีการจัดการที่ดีที่สุด  ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในฟาร์มมีทัศนียภาพสวยงาม เป็นทุ่งหญ้ากว้างไกล มีทิวเขาเป็นฉากหลัง อากาศเย็นสบายตลอดปี ภายในพื้นที่นับพันไร่นี้แบ่งเป็นฟาร์มต่างๆ เช่น ฟาร์มม้าแข่ง ฟาร์มสุนัข ฟาร์มนกสวยงาม ฟาร์มโคนมเป็นฟาร์มหลักที่มีขนาดใหญ่มีบริการสเต๊กเนื้อวัวรสเด็ด ภายใต้ยี่ห้อโชคชัยสเต๊กเฮ้าส์ที่รู้จักกันดี ตบท้ายที่ไอศกรีม "อืมม์ มิลค์" ซึ่งฟาร์มโชคชัยคิดค้นสูตรขึ้นเอง ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นคาวบอยสักครั้งในชีวิต อย่าลืมแวะไปที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึกของฟาร์ม ที่นี่มีเครื่องแต่งกายของคาวบอยอย่างครบครัน เช่นหมวกคาวบอย ผ้าพันคอ เข็มขัดให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อหาไว้เป็นที่ระลึก

ประวัติ
  • พ.ศ.2500            ด้วยอุดมการณ์และความใฝ่ฝันของนักสัตวบาล ตำนานคาวบอยไทย ดร.โชคชัย บูลกุล ที่มุ่งมั่นแผ้วถางและ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ซึ่งเป็นป่ารกทึบ บริเวณอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มต้นจากการทำการเกษตรแบบผสมผสาน บนพื้นที่เพียง 250 ไร่
  • พ.ศ.2508            ประกอบธุรกิจจัดหาเครื่องจักรกล และอุปกรณ์ก่อสร้างให้แก่กองทัพอากาศอเมริกัน เพื่อใช้ในการสร้างฐานทัพการบิน และก่อตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างในนาม บริษัทโชคชัยอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัทโชคชัยเอ็นยิเนียริ่ง จำกัด ก่อสร้าง ตึกโชคชัย” บนถนนสุขุมวิท อาคารสูง 26 ชั้น ซึ่งครองความเป็นอาคาร ที่สูงที่สุดในประเทศไทยมานานถึง 13 ปี
  • พ.ศ.2512            บุกเบิกกิจการฟาร์มโคเนื้อ โดยนำเข้าโคเนื้อสายพันธุ์อเมริกันบราห์มัน และสายพันธุ์แซนต้าเกอร์ทูดิส พร้อมๆไปกับการยกระดับสายเลือด และพัฒนาสายพันธุ์โคพื้นเมืองของไทย
  • พ.ศ.2514            ก่อตั้งภัตตาคาร ‘โชคชัยสเต็ดเฮ้าส์’ สาขาแรกขึ้น บนชั้น 23 ของอาคารโชคชัย เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์เนื้อโคคุณภาพดีของฟาร์ม และให้บริการแก่ผู้เช่า อาคารสำนักงาน
  • พ.ศ.2519            ฟาร์มประสบปัญหาโควตาการส่งออกโคเนื้อ รวมทั้งปัญหาต้นทุนการผลิตและต้นทุนการขนส่ง จึงเริ่มผันตัวเองจากธุรกิจอุตสาหกรรมโคเนื้อ เข้าสู่วงจรของธุรกิจโคนม
  • พ.ศ.2521            ฟาร์มโคนมถูกบุกเบิกขึ้นอย่างเป็นรูปร่าง จากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแม่พันธุ์โคเนื้อของฟาร์ม กับน้ำเชื้อพ่อพันธุ์โคนมจากต่างประเทศ พัฒนา และปรับปรุงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่องจนได้โคนมลูกผสมที่ให้ผลผลิตสูงสุดในเขตสภาพอากาศร้อนชื้น
  • พ.ศ.2528            โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม และแบรนด์นมสดตราฟาร์มโชคชัยเกิดขึ้นเพื่อรองรับผลผลิตน้ำนมดิบของฟาร์ม
  • พ.ศ.2535-2539   ช่วงเวลาของการปฏิรูประบบจัดการ (Reengineering) เป็นช่วงที่ธุรกิจโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมประสบกับวิกฤตทางการตลาด จึงมีความจำเป็นต้อง ตัดขายธุรกิจนมพร้อมดื่มตราฟาร์มโชคชัยออกไปในปี พ.ศ.2537 แต่ยังดำรงไว้ซึ่งธุรกิจหลัก นั่นก็คือธุรกิจฟาร์มโคนม และในช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นการทำงาน ของคุณโชค บูลกุล ภายหลังจากจบการศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นยุคของการหันกลับมาปฏิรูปองค์กรให้เกิดความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยสร้างนวัตกรรม ทางการบริหาร และปรับรื้อระบบจัดการใหม่ให้กับธุรกิจ รายได้หลักในช่วงนี้มาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งได้แก่น้ำนมดิบ และการส่งออก แม่พันธุ์โคนมไปยังต่างประเทศ รวมถึงอาหารสัตว์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป
  • พ.ศ.2540-2544   เป็นช่วงเวลาของการปฏิรูปภาพลักษณ์องค์กร (Rebranding) เมื่อรากฐานของฟาร์มเข้มแข็งขึ้น ประกอบกับการมีความรู้ ประสบการณ์ และการเข้าใจจุดอ่อน จุดแข็งที่เรามี ผนวกกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ จึงก่อให้เกิดนวัตกรรมทางธุรกิจขึ้น นั่นคือ การท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบครบวงจรนับเป็นช่วงของการเปิดมิติใหม่ของการท่องเที่ยวโดยการสร้างการรับรู้ให้แก่สาธารณชนผ่านสื่อที่มาถ่ายทำและสัมภาษณ์กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท ช่วงนี้จึงถือเป็นยุคของการปฏิรูปภาพลักษณ์องค์กรครั้งยิ่งใหญ่ของกลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย
  • พ.ศ.2545-2549   ช่วงเวลาของการปฏิรูปองค์กร (Repositioning) เมื่อธุรกิจเดินทางมาถึงจุดที่หลายคนให้การยอมรับ และมองว่าเราประสบความสำเร็จ เราเองยังคงไม่ละทิ้ง การจัดทัพปรับทีมให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ช่วงนี้จึงเป็นยุคที่มีการปฏิรูปการจัดการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น กับธุรกิจให้ได้มากที่สุด และด้วยเหตุนี้ประกอบกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจท่องเที่ยว จึงทำให้เราสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์นมตรา Umm!..Milk และธุรกิจที่พักในรูปแบบ Boutique Camp ภายใต้ชื่อ Farm Chokchai Camp ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงเวลานี้รายได้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มมูลค่า ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์ เกษตรแปรรูป เป็นหลัก นอกจากนั้น ยังมีรายได้ใหม่ที่เกิดขึ้นจากการขายประสบการณ์ ผ่านธุรกิจให้คำปรึกษา และการถ่ายทอดประสบการณ์ในเวทีบรรยาย ต่างๆเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
  • พ.ศ.2550-2554   ช่วงเวลาของการปฏิรูปความรู้ (Rejuvenation) ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องการเห็นองค์กรในอนาคตเป็น People and HR Based Organization นั่นคือ องค์กรต้องถูกขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องโดยทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีศักยภาพ มีทักษะและความสามารถในการทำงานเป็นทีม ดังนั้นฟาร์มโชคชัยจึงก้าว เข้าสู่ยุคแห่งการเพิ่มพลังให้กับองค์กร เป็นยุคที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถและทักษะของบุคลากรเดิม รวมทั้งการสร้างบุคลากรใหม่ขึ้นมาทดแทนทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นในโลกของการแข่งขันในอนาคต และ ด้วยทักษะความรู้ และประสบการณ์ที่ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง จากนี้และต่อไป สิ่งที่ฟาร์มโชคชัยปรารถนาคือ การยืนอยู่ในสังคมอย่างมีคุณค่า อยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยการแบ่งปัน และเผื่อแผ่ความรู้ ดำเนินธุรกิจโดยอยู่บนพื้นฐานของการใช้ความรู้ ความสามารถ เพื่อให้สมกับปณิธานที่ตั้งไว้ว่า เราคือธุรกิจ ‘จากดิน...สู่ภูมิปัญญา’ อย่างแท้จริง ซึ่งก็คงยืนยันได้จากโครงการ Extension School และ Professional Course Training ที่อยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการในอนาคตอันใกล้ด้วยเช่นกัน

ที่ตั้ง
กม.159 ริม ถ.มิตรภาพ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 












  • ค่าเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่ 180 บาท เด็ก 90 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก  150 บาท มีรถฟาร์มแทร๊กเตอร์บริการพร้อมเจ้าหน้าที่พานำชม
  • เปิดให้ชมเป็นรอบเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ตั้งแต่เวลา9.00-15.00 น.อังคาร-ศุกร์ เวลา 10.00และ 14.00 น.
  • สำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อน 3 วันได้ที่ กทม.โทร.0-2532-2846-8 ต่อ135,0-2523-9103 ฟาร์มโชคชัยโทร.0-4432-8485 ต่อ116,0-4432-8386

วิหารเทพวิทยาคม (วัดหลวงพ่อคูณ)



วิหารเทพวิทยาคม หรือ วิหารปริสุทธปัญญา เป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ของวัดบ้านไร่ ก่อสร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะให้เป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก หรืออีกนัยหนึ่งคือ ดินแดนที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด และเพื่อจรรโลงพระศาสนาให้เป็นไปตามปัจฉิมวาจาของพระพุทธองค์ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานที่ว่า “แท้จริงแล้ววินัยที่เราได้บัญญัติแก่ท่านทั้งหลายก็ดี ธรรมที่เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลายก็ดี เมื่อเราล่วงไปแล้ว ธรรมและวินัยเหล่านั้นจะเป็นศาสดาของท่านทั้งหลาย” ดังนั้นมหาวิหารแห่งนี้จึงเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่นำเอาพระไตรปิฎกมาแสดงและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป

วิหารเทพวิทยาคม เป็นสิ่งปลูกสร้างสูง 5 ชั้นกลางบึงน้ำวัดบ้านไร่มีความกว้าง 60 เมตรยาว 60 เมตรเป็นปริมณฑล อาคารสิ่งก่อสร้างองค์กลางมีขนาดกว้าง 30 เมตรยาว 30 เมตรโดยประมาณความสูง 42 เมตรซึ่งแต่ละชั้นประกอบด้วย

                             ชั้นใต้ดินของวิหารเทพวิทยาคม

ชั้นใต้ดินของวิหารเป็นส่วนจัดแสดงและให้ผู้เข้าชมได้เลือกรับของที่ระลึกจากเงินทำบุญของท่านผู้เข้าชมเอง บรรยากาศโดยรอบจัดตกแต่งให้เสมือนท่านได้อยู่ในท้องนทีอันศักดิ์สิทธิ์ หรือโลกใต้บาดาล โดยของที่ระลึกอันเป็นมงคลนั้น ผู้เข้าชมสามารถเลือกได้ตามความหมายอันเป็นสิริมงคลตามที่ท่านต้องการ ซุ้มของที่ระลึกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก 
           
ส่วนแรก คือ บริเวณโถงกลาง เรียกว่า ซุ้มของที่ระลึก เพชร 7 สี มณี 7 แสง เป็นการบูชาลูกปัดสีต่าง ๆ โดยเลือกเสี่ยงทายตามสถานะหรืออาชีพการงานของบุคคลนั้น ๆ
ส่วนที่ 2 รายล้อมโซน เพชร 7 สี มณี 7 แสง ประกอบไปด้วย เจ็ดสิ่งนำโชคในโลกใต้บาดาล อันมีความหมายมงคลตามความเชื่อจากหลากหลากประเทศในโลก ได้แก่

         1. มังกร+ลูกแก้ว : ขอพรและคำทำนาย เรื่องความมีโชคลาภ วาสนา
         2. พญานาค : ขอพรและคำทำนาย เรื่องร่ำรวยเงินทอง
         3. ปลาอานนท์ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องสุขภาพ ความแข็งแรง มีกำลัง
         4. จระเข้ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องการสะสมบุญความเมตตาเพื่อจะได้รับเมตตาจากเจ้านายและเป็นที่รัก
          5. พญาเต่า : ขอพรและคำทำนาย เรื่องอายุยืน
         6. ปลาม้าน้ำ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องชีวิตคู่ยาวนาน สันติภาพ มิตรภาพ
         7. ปะการังแดง : ขอพรและคำทำนาย เรื่องเดินทางปลอดภัย

ชั้น วิหารเทพวิทยาคม
           ภาพพุทธประวัติและต้นโพธิ์อธิษฐาน" 

ความงามสุดแล้วแต่ปัจเจกมอง แต่ความหมายยิ่งใหญ่แห่งพุทธประวัติ...คงอยู่ชั่วกาลนาน
           ภาพที่ พุทธอนุโมทนา (ประสูติ)
           ภาพที่ พุทธปัญญา (ตรัสรู้)
           ภาพที่ พุทธปาฏิหาริย์ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่าเทวดา)
           ภาพที่ พุทธบารมี (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่ากษัตริย์และนักบวช)
           ภาพที่ พุทธปีติ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่ชาวบ้าน หมู่มาร และนักบวช)
           ภาพที่ ปฐมพุทธศาสน์ (ปรินิพพาน)
ทั้งนี้เพดานภายในห้องจัดแสดงภาพพระพุทธประวัติและต้นโพธิ์อธิษฐาน แสดงถึงบารมีแห่งพระพุทธองค์ เมื่อทรงตรัสรู้แล้วแผ่ไพศาลไปทั่วจักรวาลบรรยากาศ ค่อย ๆ สูงขึ้น จนเหนือชั้นฟ้า เหนือเมฆ ไปจนอสงไขย ไม่มีที่สิ้นสุด


           ชั้น 2 วิหารเทพวิทยาคม

 พระวินัยปิฎก นิทรรศการ พระราชาผู้ทรงธรรม และห้องโถงแห่งธรรม"

   
โดยรอบนำเสนอเรื่องราวของพระวินัยปิฎก และวิวัฒนาการพระพุทธศาสนา หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน อาทิ ศีล 227 ข้อ และเรื่องราวของนิกายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการตีความพระวินัยและพระธรรมคำสอนในหลากหลายแง่มุม ส่วนพื้นที่สงบเงียบตรงกลางนั้นเป็นพื้นที่โล่งให้สาธุชนได้อธิษฐานจิต เพื่อเป็นกุศลแก่ตนเอง

      ส่วนห้องบริเวณเศียรช้าง เป็นห้องพระราชาผู้ทรงธรรม อันจะเนรมิตให้เป็นนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา ซึ่งท่านคือผู้นำแนวทางแห่งอริยสัจ 4 มาดำเนินเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้พ้นทุกข์ อันจะได้เห็นจากโครงการในพระราชดำริที่เกิดขึ้นมากมาย เพื่อให้ปวงชนได้พ้นจาก “ความจน” มาเป็น “ความพอ”


ชั้น 3 วิหารเทพวิทยาคม

 "เรื่องราวของพระธรรมปิฎก พระธรรมขันธ์"


       จิตรกรรมวิจิตรบนเพดานชั้น 3 เป็นใบโพธิ์มากกว่า 84,000 ใบ เพื่อสอดแทรกคำสอนเรื่องของความเพียร เรียนรู้พระธรรม และยังเป็นเครื่องเตือนใจพุทธศาสนิกชนว่า พระองค์มิได้มุ่งแต่ถ่ายทอดแก่นพระธรรมตามที่พระองค์ทรงตรัสรู้ หากแต่สั่งสอนพระธรรมตามจริตของผู้สดับธรรมนั้น ๆ ด้วย ดังนั้น พระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์นั้นเพื่อสั่งสอนผู้คนตามจริต ซึ่งจริตของแต่ละปัจเจกนั้นมิได้เหมือนกันเป็นแบบแผนเดียวกัน การเผยแพร่พระธรรมจึงมิได้มุ่งแต่เพียงเผยแพร่แก่นด้วยวิธีเดียว แต่วิธีในการเผยแพร่ต่อ แต่ละบุคคลก็มีความสำคัญในการที่จะทำให้บุคคลนั้น ๆ เข้าใจซึ่งพระธรรมด้วย


                      ชั้นดาดฟ้า วิหารเทพวิทยาคม

 "ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และรูปหล่อปิดทองคำหลวงพ่อคูณ"

           ณ ชั้นบนสุดของหอเทพวิทยาคม ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อหลวงพ่อคูณปิดทองคำ มองสู่เบื้องล่างเพื่อประสาทพรแก่สาธุชนชั่วกาลนา นอกจากนี้ บริเวณรอบ ๆ วิหารเทพวิทยาคมยังมีเทพพญาสัตว์ต่าง ๆ ให้ได้ชมกัน เพื่อเป็นปริศนาธรรมให้ค้นหา เช่น พญานาค เปรียบเสมือนโอบอุ้มธรรมะของพระพุทธเจ้า สะพานพญานาคคือ ทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกธรรมะ, เทพจำแลง สุนัข 3 หัวเฝ้าประตูนรก แต่ละตัวมีชื่อว่า อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา ซึ่งมีความหมายแห่งการปล่อยวาง, พญาแร้ง สะท้อนให้ระลึกถึงกิเลสที่ชอบซุกอยู่ในใจคนมากที่สุดคือ โลภะ โทสะ และช้างเอราวัณ เป็นต้น


  การเดินทาง
     จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี ประมาณ 75 กิโลเมตร ถึงตัวเมืองสระบุรี เมื่อถึงตัวเมืองสระบุรีแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 89 กิโลเมตร จะถึงเขื่อนลำตะคอง ขับตรงไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร จะพบกับป้ายบอกทางถนนสาย 201 กับถนนสาย 24 ให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนสาย 201 (ไปจังหวัดชัยภูมิ) จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่อำเภอด่านขุนทด พอถึงอำเภอด่านขุนทดให้ท่านขับตรงไปอีก จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2217 จากนั้นขับตรงไป ประมาณ 11 กิโลเมตร ก็จะถึง "วัดบ้านไร่"

    
      

    อย่างไรก็ตามสำหรับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจขอเข้าชม ให้ส่งหนังสือแจ้งความจำนงพร้อมจุดประสงค์ในการเข้าชมล่วงหน้า สัปดาห์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และทีมงานมัคคุเทศก์น้อย จัดสรรเวลาและเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในทุกด้าน ส่วนกิจกรรมบุญอิเล็กทรอนิกส์ตามจุดต่าง ๆ ภายในวิหาร กำหนดให้ใช้บัตรเติมบุญ เริ่มต้นความศรัทธาราคา 30 บาท โดยจะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.